📖 บทที่ 4 : การอ่าน & การเขียนที่ไม่ควรมองข้าม

เจ้าของภาษาจะไม่อ่านจับทุกคำเท่า ๆ กัน แต่จะ โฟกัสที่ Main Idea ก่อน แล้วค่อยดู Supporting Idea เพื่อเข้าใจภาพรวมได้ไวและสรุปได้ถูกต้อง

1️⃣ Main Idea คืออะไร?

ใจความหลักของย่อหน้า/บทความ คือคำตอบของคำถามว่า “สิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารจริง ๆ คืออะไร”

• มักอยู่ที่ ประโยคแรก หรือ ประโยคสุดท้าย ของย่อหน้า
• บางครั้งอาจซ้ำในหลายจุด เพื่อเน้นใจความ

ตัวอย่าง:
Dogs make great pets because they are loyal, friendly, and easy to train.
➤ Main Idea: Dogs make great pets.

2️⃣ Supporting Idea คืออะไร?

คือรายละเอียด / เหตุผล / ตัวอย่างที่สนับสนุน Main Idea — ตอบคำถามว่า “ทำไม / อย่างไร / ด้วยเหตุผลอะไร”

ตัวอย่างจากประโยคเดิม:
because they are loyal, friendly, and easy to train.
➤ Supporting Ideas: loyal, friendly, easy to train.

3️⃣ เทคนิคการแยก Main vs Supporting Idea

3.1 หา clue words

• Main Idea: คำทั่วไป เช่น mostly, generally, in summary
• Supporting Idea: คำเฉพาะ เช่น because, for example, such as, in addition, especially

3.2 อ่านทั้งย่อหน้าแล้วถามตัวเอง

• “ผู้เขียนพยายามบอกอะไรหลัก ๆ?” → Main Idea
• “อะไรช่วยอธิบาย / ตัวอย่าง / เหตุผล?” → Supporting Idea

3.3 ใช้ mind map หรือ bullet

เขียน Main Idea ก่อน → แล้วแตกเป็น Supporting Ideas เป็นข้อย่อย ช่วยอ่านเร็วและสรุปง่าย

4️⃣ ตัวอย่างฝึกอ่าน

Many people enjoy gardening because it is relaxing and rewarding. Gardening allows people to spend time outdoors, get some exercise, and grow their own fruits and vegetables. Additionally, it provides a sense of accomplishment when plants thrive.

วิเคราะห์:

• Main Idea: Many people enjoy gardening.
• Supporting Ideas:
• It is relaxing and rewarding.
• Allows people to spend time outdoors.
• Get some exercise.
• Grow their own fruits and vegetables.
• Provides a sense of accomplishment when plants thrive.

✅ เคล็ดลับเพิ่มเติม:

• อย่าโฟกัสคำทุกคำ → ดูโครงสร้างย่อหน้าโดยรวม
• คำที่ “ซ้ำ / เน้นย้ำ” มักเป็น Main Idea
• คำที่เป็น “ตัวอย่าง / เหตุผล / สถิติ / คำพูดอ้างอิง” = Supporting Idea

เจ้าของภาษามักไม่อ่านทุกคำ แต่ใช้เทคนิค Skimming & Scanning เพื่ออ่านเร็ว จับใจความหลัก และหาข้อมูลสำคัญได้อย่างแม่นยำ

1️⃣ Skimming = อ่านเพื่อจับ Main Idea

ใช้เมื่อ ต้องการเข้าใจ “ใจความหลักของบทความ” โดยไม่สนใจรายละเอียดเล็กน้อย

• อ่านเร็ว ๆ ไม่ต้องแปลทุกคำ
• โฟกัสที่ ประโยคแรก / ประโยคสุดท้ายของย่อหน้า
• ดูคำที่ ซ้ำ / เน้น / อยู่ในหัวข้อหรือ subheading

เทคนิค Skimming

• อ่าน title & subtitle
• อ่านประโยคแรกและสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า
• ข้ามรายละเอียดที่ไม่จำเป็น
• พยายามจับ Main Idea ของแต่ละย่อหน้า

ตัวอย่าง:
Gardening has become a popular hobby worldwide. People enjoy it for relaxation, exercise, and the joy of growing plants. Urban gardening is also on the rise as cities encourage green spaces.
➤ Main Idea (Skimming): Gardening is a popular and beneficial hobby.

2️⃣ Scanning = อ่านเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ

ใช้เมื่อ ต้องการหาคำตอบเฉพาะ เช่น ชื่อ, ตัวเลข, วันเวลา, สถานที่

• เลื่อนตาเร็ว ๆ หา keywords ที่ต้องการ
• เน้นดู ตัวเลข / วันที่ / ชื่อ / คำเฉพาะทาง

เทคนิค Scanning

• กำหนดสิ่งที่จะหาให้ชัดเจนก่อนอ่าน
• เลื่อนสายตาเร็ว ๆ — อย่าอ่านทุกคำ
• ใช้ bold / italic / bullet point เป็นตัวช่วยนำสายตา
• เมื่อเจอคำที่ต้องการ → อ่านรอบ ๆ เพื่อเข้าใจบริบท

ตัวอย่าง:
The conference will be held on October 12–14, 2025, at the Grand Hotel, New York.
➤ ถ้าคำถามคือ “When is the conference?”
Scanning → Focus: October 12–14, 2025.

3️⃣ เทคนิครวม Skimming + Scanning

1. ขั้นแรก: Skim เพื่อจับ Main Idea ของบทความ
2. ขั้นสอง: Scan เพื่อหาข้อมูลเฉพาะสำหรับคำถาม

วิธีนี้ช่วยให้ อ่านเร็ว + เข้าใจแม่นยำ เหมือนเจ้าของภาษาที่อ่านข่าวหรือบทความงาน

4️⃣ เคล็ดลับฝึกอ่านเร็ว

• กำหนดเวลาอ่าน เช่น 2 นาทีต่อย่อหน้า → ฝึก Skimming
• สร้างคำถามก่อนอ่าน → ฝึก Scanning
• Highlight / underline keywords เพื่อช่วยจำ
• อ่านบทความสั้นทุกวัน → ทำให้ตาชินและเดา Main Idea ได้แม่นขึ้น

✅ สรุป:
Skimming = อ่านจับใจความหลัก (Main Idea)
Scanning = อ่านหาข้อมูลเฉพาะ (Keywords)
ใช้คู่กัน → อ่านเร็ว, เข้าใจเร็ว, ตอบคำถามได้ถูกต้อง ✔️

Transition words = คำเชื่อมประโยคหรือย่อหน้า ทำหน้าที่เหมือน “สายลม” ที่พัดให้ข้อความลื่นไหลและต่อเนื่องแบบมืออาชีพ

🌿 5 คำที่ใช้แล้วดูโปรจริง

1️⃣ Moreover → ใช้เพิ่มข้อมูลที่สนับสนุน

The product is affordable. Moreover, it is eco-friendly.

2️⃣ Therefore → ใช้สรุปผลจากประโยคก่อนหน้า

Sales dropped last quarter; therefore, we need a new strategy.

3️⃣ However → ใช้แสดงความขัดแย้ง / ตรงข้าม

The plan seems good; however, it might be costly.

4️⃣ In addition → ใช้เพิ่มข้อมูลเสริม

The software is easy to use. In addition, it integrates with other apps.

5️⃣ Consequently → ใช้แสดงผลลัพธ์หรือผลที่ตามมา

He missed the meeting; consequently, he was not informed about the update.

💡 เคล็ดลับ: อย่าใส่ transition เยอะเกินไป — ใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อให้อ่านลื่นและเป็นธรรมชาติ

บางคำเชื่อมฟังแล้วดู ไม่เป็นมืออาชีพ หรือ ซ้ำซาก ทำให้ข้อความดูไม่ polished

🚫 คำที่ควรหลีกเลี่ยงในการเขียน formal

• Also → ซ้ำซ้อนกับ in addition / moreover
• And then → ฟังดู casual, ใช้ในงานเขียนไม่เหมาะ
• Anyway → informal, ใช้ในบทสนทนาเท่านั้น
• But (ขึ้นต้นประโยค) → เปลี่ยนเป็น However หรือ Nevertheless ดีกว่า
• Thing / stuff → ไม่ชัดเจน → ใช้คำเฉพาะแทน เช่น item, concept, material

🪄 เทคนิคเลือกใช้คำเชื่อมให้ดู professional

• เลือกคำที่ formal + precise → ข้อความดูชัดเจนขึ้นทันที
• อ่านทวนหลังเขียนเสร็จ → ถ้า transition ฟังแข็งเกินไป → ปรับคำให้นุ่ม หรือ ตัดออก

✅ สรุป: ใช้ transition ให้พอดี → เขียนลื่น ดูมืออาชีพ และเข้าใจง่ายกว่าเยอะ

อีเมลธุรกิจคือภาพลักษณ์ตัวแทนของ คุณ และ องค์กร — ต้องชัดเจน กระชับ และสุภาพในทุกบรรทัด

💼 1️⃣ เริ่มด้วย Greeting แบบมืออาชีพ

• Dear Mr./Ms. [Last Name],
• Hello [First Name], (ใช้ได้เมื่อรู้จักกันแล้ว)

🪄 2️⃣ เปิดด้วยวัตถุประสงค์ชัดเจน

เริ่มต้นอีเมลด้วยประโยคที่บอก “เหตุผลที่เขียน” อย่างตรงไปตรงมา

• I am writing to follow up on…
• I would like to discuss…
• I’m reaching out regarding…

🧩 3️⃣ เขียนเนื้อหาให้เรียบง่าย + ลำดับชัดเจน

• ใช้ bullet points ถ้ามีข้อมูลหลายข้อ
• ใช้ transition words เช่น Moreover, Therefore, In addition
• หนึ่งย่อหน้าควรมีเพียง 2–3 ประโยคเท่านั้น

📬 4️⃣ ปิดอีเมลด้วย Call to Action / Closing Statement

• I look forward to your reply.
• Please let me know if you have any questions.
• Let’s schedule a call to discuss further.

🖋️ 5️⃣ ลงชื่อแบบสุภาพ

• Best regards,
• Sincerely,
• Kind regards,

📧 ตัวอย่างอีเมลธุรกิจสั้น ๆ

Dear Ms. Smith,

I am writing to follow up on our meeting last week.
The project proposal has been revised; moreover, the budget plan has been updated.
Please let me know if you have any questions.

Best regards,
John Doe

✅ เคล็ดลับ: ใช้โทนสุภาพ + ประโยคสั้น + คำเชื่อมลื่นไหล → อีเมลดูน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพทันที

การเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้มีสไตล์เดียว ✍️ — ขึ้นอยู่กับ “บริบท” ว่าเราเขียนให้ใครอ่าน ความเข้าใจความต่างระหว่าง Academic กับ Casual คือกุญแจสำคัญ!

💡 เคล็ดลับ: เวลาเขียนงานทางการ → avoid contractions, slang, personal pronouns (เช่น don’t → do not, gonna → going to, I think → It seems that)

✅ สรุปง่าย ๆ: Academic = ชัดเจน เป็นกลาง ดูทางการ Casual = เป็นกันเอง อ่านง่าย ใช้ในชีวิตประจำวัน

การเขียนสรุป (Summary) ที่ดีไม่ใช่แค่ย่อเนื้อหา แต่ต้อง “จับใจความหลัก + เขียนให้อ่านลื่น” 💫

📘 โครงสร้างสรุปแบบมืออาชีพ

• เริ่มด้วย Main Idea → ใจความหลักของบทความ
• ใส่ Supporting Points → สั้น กระชับ
• ใช้ Transition Words → เช่น Therefore, In addition, However
• ปิดท้ายด้วย Conclusion → สรุปประโยคสุดท้ายให้จบสวย

📝 ตัวอย่างสรุป

Gardening is a popular hobby worldwide. It provides relaxation, exercise, and a sense of accomplishment. In addition, urban gardening promotes green spaces in cities. Therefore, gardening benefits both individuals and communities.

✅ Tip: ใช้ประโยคสั้น ชัดเจน และมีจังหวะการเชื่อมต่อระหว่างประโยค

Bullet points คือ “หัวใจของความอ่านง่าย” 🧠 แต่หลายคนใช้ผิดวิธี — มาดูวิธีใช้ให้ดูโปร!

💡 เทคนิค

• ใช้กับ list / steps / key points
• เริ่มแต่ละข้อด้วย Verb → ดูกระชับและชัดเจน
• รักษา รูปแบบสม่ำเสมอ
• หลีกเลี่ยงการใส่จุดเต็ม (.) ทุกข้อ

📝 ตัวอย่างที่ดี

• Conduct market research
• Analyze customer feedback
• Develop actionable strategies

✅ Tip: ถ้า bullet แต่ละข้อยาวเกิน 2 บรรทัด → แสดงว่าควรแยกเป็นสองประเด็น

Resume คือใบสมัครที่ “พูดแทนตัวคุณ” — เขียนดี มีโอกาสได้สัมภาษณ์มากขึ้น 💼

🌟 เทคนิคสำคัญ

• ใช้ Active Verbs → managed, developed, coordinated
• เน้น Achievement → มากกว่าแค่หน้าที่
• ใช้ Bullet Points → แสดงผลลัพธ์ชัดเจน
• Proofread → ตรวจความถูกต้องทุกจุดก่อนส่ง

🧠 Proofread Checklist

• ✅ Spelling (การสะกดคำ)
• ✅ Grammar (ไวยากรณ์)
• ✅ Punctuation (เครื่องหมายวรรคตอน)
• ✅ Clarity (ความชัดเจนของประโยค)

Typo = ข้อผิดพลาดจากการพิมพ์ เช่น พิมพ์ตก / พิมพ์ผิดคำ

🚫 ตัวอย่างที่ไม่ดี

❌ I am intersted in this position. “intersted” → typo ของ “interested”

✅ ตัวอย่างที่ถูกต้อง

I am interested in this position.

📄 ตัวอย่าง Resume (ส่วนหนึ่ง)

Marketing Intern | XYZ Company | June 2024 – Present
• Developed social media campaigns that increased engagement by 30%
• Coordinated email marketing strategies for product launches
  

💡 Tip: ทุก bullet เริ่มด้วย “verb” และใส่ “ผลลัพธ์ที่วัดได้” → ดูมืออาชีพขึ้นทันที!

การเลือกคำคือ “ความแตกต่างระหว่างเขียนดูธรรมดา กับดูมืออาชีพ” 💼

✅ ควรใช้ (Formal & Academic)

• Therefore → ดังนั้น
• Consequently → เป็นผลให้
• Moreover → ยิ่งไปกว่านั้น
• Significant → สำคัญ / มีนัยสำคัญ
• Demonstrate → แสดงให้เห็น
• Evidence → หลักฐาน / ข้อมูลสนับสนุน

🚫 ไม่ควรใช้ (Too Casual / Informal)

• Thing → ใช้ object, item, factor ดีกว่า
• Stuff → ใช้ materials, equipment, information
• Really / Very → ใช้ extremely, highly, greatly
• A lot → ใช้ many, numerous, a large number of
• Kids → ใช้ children ในงานเขียนทางการ

💡 Tip: ใช้คำเฉพาะเจาะจงและ formal → งานเขียนดู professional ขึ้นทันที

Cover Letter ที่ดี = กระชับ ชัดเจน และสื่อถึง “ตัวตน + ความเหมาะสม” 🌟

📋 โครงสร้างสั้น ๆ 4 ขั้นตอน

1. เปิดด้วย position + แหล่งที่เห็นประกาศ
2. ระบุประสบการณ์ / ทักษะ ที่เกี่ยวข้อง
3. แสดงความสนใจ และความตื่นเต้นกับโอกาสนั้น
4. ปิดด้วย Call to Action เช่น ขอให้พิจารณา หรือแนบเรซูเม่

📝 ตัวอย่างจดหมายสมัครงาน

Dear Hiring Manager,

I am writing to apply for the Marketing Assistant position at ABC Corp. I have 2 years of experience in social media management and content creation. I am excited about the opportunity to contribute to your team. Please find my resume attached.

Sincerely,
Jane Doe

✅ Tip: เขียนให้จบใน 1 หน้า และใช้ประโยคสั้นที่สื่อความมั่นใจแต่สุภาพ

โพสต์ที่ดีบน Social Media ต้อง อ่านง่าย + มีอารมณ์ + ดึงให้มีส่วนร่วม 😎

📱 เทคนิคหลัก

• ใช้ประโยคสั้น + อีโมจิ → ทำให้โพสต์ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง
• ใช้ Hashtags / Mentions ให้ตรงบริบท
• อย่าใช้ slang มากเกินไป → อาจทำให้คนอ่านไม่เข้าใจ
• ใส่ Call to Action → ชวนคนมีส่วนร่วม เช่น “Comment below!”, “Share your thoughts!”

🧋 ตัวอย่างโพสต์

Loving this new café ☕! The cappuccino is amazing 😍 #CoffeeLovers #CityVibes

✅ Tip: โพสต์ที่ดี = 1 idea ต่อข้อความ + น้ำเสียงเป็นธรรมชาติ + ใส่อารมณ์เล็กน้อยพอดี

การเขียนที่ดีต้อง “ลื่นไหล ไม่ซ้ำคำ” ✨

🧩 เทคนิคหลัก

• ใช้ Synonyms → คำเหมือน เช่น instead of, in place of, alternative to
• ใช้ Pronouns / References → it, they, this, these
• แบ่งประโยคใหม่ → restructure เพื่อหลีกเลี่ยงคำซ้ำ

📝 ตัวอย่าง

❌ The product is great. The product is affordable.
✅ The product is great and affordable.

💡 Tip: อ่านทวนประโยคทุกครั้ง → ถ้ามีคำซ้ำในย่อหน้าเดียวกันเกิน 2 ครั้ง ให้ลองหาคำเหมือนหรือใช้สรรพนามแทน

Collocations คือ “คำที่เจ้าของภาษาชอบใช้คู่กัน” 💬

ใช้ถูก → ฟังเป็นธรรมชาติ เหมือนเจ้าของภาษา!

📚 ตัวอย่าง Collocations

• ✅ Make a decision (ไม่ใช่ do a decision)
• ✅ Take a break (ไม่ใช่ do a break)
• ✅ Strong coffee (ไม่ใช่ powerful coffee)
• ✅ Heavy rain (ไม่ใช่ strong rain)
• ✅ Catch a cold (ไม่ใช่ get a cold)

🎧 เคล็ดลับฝึก

• อ่านบทความ / ฟังซีรีส์ → จดคำที่มักใช้คู่กัน
• ฝึกเขียนประโยคโดยใช้ collocation เหล่านั้น
• ยิ่งเจอบ่อย สมองจะ “จำเป็นชุด” เหมือน native speaker

💡 Example: I need to make a decision soon before it’s too late.

Storytelling = ศิลปะแห่งการเล่าเรื่องให้ “คนอ่านรู้สึกและจำ” ❤️

🎬 เทคนิคสำคัญ

• เริ่มด้วย Hook → ประโยคเปิดที่ดึงดูด เช่น “It was the day everything changed…”
• ตั้งตัวละคร / บริบท → ให้เห็นภาพสถานการณ์
• ใส่ Conflict / Challenge → เพิ่มความน่าสนใจ
• แสดงอารมณ์ / ความคิดตัวละคร → ทำให้ relatable
• จบด้วย Lesson / Takeaway → ให้ผู้อ่านรู้สึกว่าได้เรียนรู้บางอย่าง

🪄 ตัวอย่างสั้น

Last year, I missed my flight and felt completely hopeless. But that day taught me the importance of staying calm under pressure…

💡 Tip: เขียนให้มี “ภาพ อารมณ์ และบทเรียน” = ผู้อ่านจะจดจำเรื่องของคุณได้ยาวนาน

Thesis Statement = ประโยคใจความหลักของ essay / research paper 📌

🧩 เทคนิคสำคัญ

• ชัดเจน + กระชับ → ผู้อ่านรู้เลยว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
• มักอยู่ตอนท้ายของ Introduction
• รวม Main Argument + Supporting Points ในประโยคเดียว

📝 ตัวอย่าง

Climate change is the most pressing environmental issue today because it affects global weather patterns, threatens biodiversity, and impacts human health.

บทสรุปต้อง สรุปใจความหลัก, ย้ำเหตุผล, และให้ Takeaway 🔑

🧩 เทคนิค

• สรุป Main Idea
• ย้ำ Supporting Points แบบสั้น ๆ
• ให้ Takeaway / Call-to-Action → ผู้อ่านจำได้
• หลีกเลี่ยงข้อมูลใหม่

📝 ตัวอย่าง

In conclusion, gardening benefits both individuals and communities by promoting relaxation, exercise, and environmental awareness. Everyone should consider incorporating it into their daily routine.

การใช้ Quote → เพิ่ม credibility และ support argument 📖

🧩 เทคนิค

• เลือก Quote ที่เกี่ยวข้อง → Support argument / illustrate point
• ใช้ Quotation Marks → “…”
• ระบุแหล่งที่มา (APA / MLA)
• วิเคราะห์ความหมาย → ไม่ใช่วางไว้เฉย ๆ

📝 ตัวอย่าง

As Smith (2020) states, “Gardening not only relaxes the mind but also fosters creativity.” This highlights how daily hobbies can improve mental health.

Writing for persuasion / marketing ต้องดึงความสนใจ → ให้ข้อมูล → โน้มน้าว → กระตุ้น action 💥

🧩 เทคนิค

• Hook คำแรก → ดึงความสนใจ “Tired of sleepless nights?”
• Highlight Benefit → ผู้อ่านสนใจอะไร “Our mattress guarantees a full 8-hour sleep every night.”
• Social Proof / Testimonial → ทำให้เชื่อถือ “Rated 5 stars by over 1,000 customers.”
• Call-to-Action ชัดเจน → กระตุ้นให้ทำทันที “Order now and get 20% off!”

📝 ตัวอย่างสั้น

Struggling with stress? Try MindCalm, the meditation app trusted by thousands worldwide. Download today and feel the difference.